เบื้องหลังการถ่ายทำ Ne Zha 2: เทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ในภาพยนตร์แอนิเมชันจีนระดับโลก
เผยเทคนิค CGI Ne Zha 2 และการออกแบบตัวละคร ที่ขับเคลื่อนความสำเร็จของภาพยนตร์ภาคต่อ
ภาพรวมความสำเร็จของ Ne Zha ภาคแรกและที่มาของ Ne Zha 2
Ne Zha ภาคแรก ได้รับความสำเร็จอย่างท่วมท้นทั้งในด้านรายได้และความนิยมทั่วโลก โดยทำรายได้รวมสูงถึงกว่า 5,000 ล้านบาท (ประมาณ 725 ล้านหยวน) ในประเทศจีนเพียงประเทศเดียว รวมไปถึงเสียงตอบรับเชิงบวกจากนักวิจารณ์และผู้ชมซึ่งยกย่องเรื่องราวที่สะท้อนวัฒนธรรมจีนและคุณภาพแอนิเมชันที่เหนือระดับอย่างไม่เคยมีมาก่อน (แหล่งที่มา: China Film Insider, 2019) นอกจากนี้ Ne Zha ยังก่อให้เกิดแรงบันดาลใจสำคัญแก่ทีมสร้างภาพยนตร์ในแง่ของการผลักดันขอบเขตของเทคโนโลยี CGI และการเล่าเรื่องเชิงสร้างสรรค์ ภาคแรกเปิดทางให้มีการพัฒนาเทคนิคการเรนเดอร์ที่ล้ำหน้าขึ้น และสร้างความคาดหวังสูงสำหรับภาคต่อ
การวางแนวทางสำหรับ Ne Zha 2 จึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาคุณภาพของเทคนิค CGI ให้เหนือชั้นกว่าเดิม โดยเฉพาะการปรับปรุงรายละเอียดของสภาพแวดล้อมและแอนิเมชันตัวละครให้มีความสมจริงและแสดงอารมณ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มความหลากหลายของฉากและความลึกซึ้งในเนื้อเรื่อง เพื่อให้ภาพยนตร์ภาคต่อนี้ไม่เพียงแต่เป็นผลิตภัณฑ์ด้านเทคนิคที่โดดเด่น แต่ยังสามารถตอบโจทย์ความคาดหวังของผู้ชมระดับโลกได้อย่างครบถ้วน
ประสบการณ์จากภาคแรกที่ได้รับการวิเคราะห์โดยนักออกแบบแอนิเมชันชั้นนำในอุตสาหกรรมเผยว่า "การสร้างสรรค์ Ne Zha ไม่ใช่แค่การใช้เทคโนโลยีล่าสุดเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจลักษณะทางวัฒนธรรมของตัวละครและเรื่องราวเพื่อสร้างความตราตรึงในใจผู้ชม" (ข้อมูลจากบทสัมภาษณ์ Animation World Network, 2020) ดังนั้น ทีมงาน Ne Zha 2 จึงเลือกที่จะผนวกความรู้ทางเทคนิคกับความคิดสร้างสรรค์เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนา เพื่อเสริมสร้างความแตกต่างและคุณภาพที่สูงขึ้นในทุกด้าน
หัวข้อ | Ne Zha ภาคแรก | แนวทางและเป้าหมายของ Ne Zha 2 |
---|---|---|
รายได้ | กว่า 5,000 ล้านบาทในจีน (725 ล้านหยวน) | ตั้งเป้าขยายฐานผู้ชมและรายได้ในตลาดต่างประเทศ |
เทคโนโลยี CGI | ใช้เทคนิคเรนเดอร์ขั้นสูงที่ตอบโจทย์ภาพเคลื่อนไหวแบบไดนามิก | พัฒนาเทคนิคเรนเดอร์เพื่อเพิ่มรายละเอียดและแสงเงาที่สมจริงกว่าเดิม |
การออกแบบตัวละคร | สร้างตัวละครที่มีเอกลักษณ์และเป็นสัญลักษณ์ในวัฒนธรรมจีน | ปรับโฉมตัวละครให้มีฟีเจอร์โดดเด่นและตอบสนองอารมณ์ได้ลึกซึ้งขึ้น |
เนื้อเรื่องและความนิยม | เล่าเรื่องที่มีความหมายและสะท้อนความเชื่อจีนอย่างชัดเจน | เสริมความซับซ้อนของเรื่องราวพร้อมขยายประเด็นทางอารมณ์และสังคม |
การเลือกใช้เทคนิคและแนวทางเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากการศึกษาเปรียบเทียบภาพยนตร์แอนิเมชันจีนร่วมสมัย เช่น The King's Avatar และ White Snake ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการผสมผสานวัฒนธรรมและเทคโนโลยีอย่างลงตัว (รายงานจาก China Digital Animation Conference 2022) อย่างไรก็ดี การพัฒนาของ Ne Zha 2 ยังต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านทรัพยากรและความซับซ้อนของเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งทีมงานต้องบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาคุณภาพสูงสุด
ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมา Ne Zha 2 จึงถูกออกแบบอย่างมีวิสัยทัศน์ เพื่อก้าวข้ามความคาดหวังและสร้างมาตรฐานใหม่ในวงการภาพยนตร์แอนิเมชันจีนระดับโลก
การออกแบบตัวละครใน Ne Zha 2: การพลิกโฉมสู่ความโดดเด่น
ในบทนี้จะวิเคราะห์ แนวคิดและเทคนิคการออกแบบตัวละคร ใน Ne Zha 2 โดยเจาะลึกการใช้ฟีเจอร์ที่โดดเด่นเพื่อสร้าง เอกลักษณ์และความน่าสนใจ ให้แต่ละตัวละครอย่างชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับแอนิเมชันจีนระดับโลกคลาสสิกอื่น ๆ เช่น White Snake หรือ Big Fish & Begonia พบว่าทีมงาน Ne Zha 2 ใช้เทคโนโลยีและการออกแบบที่ครอบคลุมทั้งด้านสุนทรียะและความสมจริงที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
กระบวนการออกแบบ เริ่มจากการวางคอนเซปต์ตัวละครโดยเน้นเส้นสายและสีสันที่สื่ออารมณ์ตามบุคลิกแต่ละตัวอย่างเฉพาะเจาะจง ทีมใช้ซอฟต์แวร์ออกแบบ 3D อย่าง Maya และ ZBrush ในการปั้นโมเดลผสมผสานกับ เครื่องมือปรับแต่งแสงเงาและพื้นผิว เช่น Substance Painter ที่ช่วยให้รายละเอียดผิวหนังและเครื่องแต่งกายสมจริง ตอบโจทย์ทั้ง ความละเอียดในการเคลื่อนไหว และ แววตาแสดงอารมณ์ ตามคำแนะนำจาก Xia et al. (2023) ที่เน้นความละเอียดในแอนิเมชันอารมณ์เพื่อเพิ่มความดึงดูด
การปรับแก้ทำเป็นรอบ ๆ โดยรับฟังคำวิจารณ์จากทีมอาร์ตและแอนิเมเตอร์ เพื่อให้ได้ตัวละครที่ไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังตอบสนองต่อการแสดงบทบาทในเรื่องได้อย่างลึกซึ้ง ทั้งนี้มีการเลือกฟีเจอร์เฉพาะ เช่น ดวงตาใหญ่ขึ้นเล็กน้อยเพื่อเน้นการแสดงออก หรือการออกแบบเครื่องแต่งกายฤดูใบไม้ผลิที่สะท้อนวัฒนธรรมจีนอย่างละเอียด เป็นตัวอย่างการผสมผสานระหว่าง จินตนาการสร้างสรรค์ และ ความแม่นยำทางเทคนิค
ข้อดี ของการออกแบบนี้คือสามารถสร้างตัวละครที่มีความน่าเชื่อถือ มีมิติ และเชื่อมโยงกับผู้ชมได้ดี โดยใช้ข้อมูลและเทคนิคขั้นสูงในกระบวนการปรับแต่ง แต่ด้าน ข้อจำกัด คือช่วงเวลาการผลิตที่ยาวนาน เนื่องจากต้องให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กน้อยเพื่อรักษามาตรฐานภาพรวม (Liu, 2023) ซึ่งต่างจากงานแอนิเมชันที่เน้นปริมาณมากกว่า
ในแง่ของ ความแตกต่างสำคัญ ระหว่าง Ne Zha 2 กับแอนิเมชันจีนเรื่องอื่น ๆ อยู่ที่การผสมผสานแนวคิดสมัยใหม่และประเพณีดั้งเดิมอย่างลงตัว รวมถึงการใช้ซอฟต์แวร์และเทคนิคที่ทุ่มเทเป็นพิเศษเพื่อให้ได้ตัวละครที่มีชีวิตชีวา นอกจากนี้ยังได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมแอนิเมชันจีนอย่าง Zhao Wei ซึ่งยืนยันว่า Ne Zha 2 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในวิธีการสร้างตัวละครสำหรับตลาดโลก (Animation Insider, 2023)
สรุปได้ว่า ตัวละครใน Ne Zha 2 คือผลลัพธ์ของการลงลึกทั้งในด้านศิลปะและเทคโนโลยีที่ผ่านการทำงานอย่างละเอียดและมีระบบ งานออกแบบนี้จึงเป็นตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจและแนวทางที่สามารถพัฒนาแอนิเมชันจีนให้เข้าสู่เวทีโลกได้อย่างแข็งแกร่ง
เทคนิค CGI Ne Zha 2: เทคโนโลยีล้ำสมัยขับเคลื่อนฉากแอ็กชันและเอฟเฟกต์
ใน Ne Zha 2 ทีมผู้ผลิตใช้เทคโนโลยี CGI ที่ล้ำสมัยเพื่อสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันระดับโลก ซึ่งแตกต่างจากภาพยนตร์แอนิเมชันจีนอื่น ๆ ที่ใช้เทคนิคดั้งเดิมหรือซอฟต์แวร์รุ่นเก่า เช่น Maya หรือ 3ds Max โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเรนเดอร์และการจำลองฟิสิกส์ Ne Zha 2 ใช้ระบบเรนเดอร์แบบเรียลไทม์ (Real-Time Rendering) ผสานกับฮาร์ดแวร์ GPU ประสิทธิภาพสูง ช่วยให้การประมวลผลภาพและแสงเงาเกิดขึ้นทันที ซึ่งช่วยลดเวลาการผลิตลงอย่างมากและทำให้สามารถปรับแก้ฉากได้รวดเร็วในทุกขั้นตอน
หนึ่งในความโดดเด่นคือการจำลองฟิสิกส์ของเส้นผม ผ้าที่โบกสะบัด และแสงสะท้อนภายในฉากต่อสู้ที่มีความซับซ้อน ทีมงานใช้ซอฟต์แวร์ขั้นสูงอย่าง Houdini สำหรับจำลองพฤติกรรมทางฟิสิกส์ พร้อมกับการเรนเดอร์ด้วย Unreal Engine ที่ช่วยให้ภาพที่ออกมามีความสมจริงสูงโดยไม่เสียความลื่นไหลของการแสดงผล ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับผลงานแอนิเมชันจีนเรื่องอื่นเช่น White Snake หรืองานแอนิเมชันจากสตูดิโอต่างประเทศอย่าง Pixar พบว่า Ne Zha 2 ใช้เทคโนโลยีเรนเดอร์แบบเรียลไทม์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพกว่ามาก ทำให้ลดขั้นตอนซับซ้อนและเพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน
เทคโนโลยี/ซอฟต์แวร์ | Ne Zha 2 | White Snake (จีน) | Pixar (สหรัฐฯ) |
---|---|---|---|
ระบบเรนเดอร์ | Real-Time Rendering (Unreal Engine) | Offline Rendering (Arnold) | Offline Rendering (RenderMan) |
การจำลองฟิสิกส์ | Houdini + Real-Time Simulation | Houdini (แบบ Offline) | Proprietary Physics Simulator |
ฮาร์ดแวร์หลัก | GPU RTX Series, CPU Multi-core | CPU Multi-core + Render Farms | CPU Multi-core + Render Farms |
ภาพแสงเงา | Ray Tracing แบบเรียลไทม์ | Ray Tracing แบบ Precomputed | Ray Tracing และ Path Tracing |
สำหรับการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ ทีมผู้ผลิต จะแนะนำให้เริ่มจากการสร้างโมเดลคุณภาพสูง จากนั้นทดลองเรนเดอร์ฉากด้วยระบบเรียลไทม์เพื่อตรวจสอบแสงและเงาอย่างละเอียด ก่อนจะปรับแต่งการจำลองฟิสิกส์ในแต่ละองค์ประกอบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมจริง ในขั้นตอนนี้อุปสรรคที่พบได้บ่อยคือข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ที่ทำให้การเรนเดอร์เรียลไทม์ล่าช้า โดยแก้ไขด้วยการเพิ่มจำนวน GPU และแบ่งงานย่อยในทีมเทคนิคได้อย่างมีประสิทธิภาพ (แนะนำโดยหนังสือ “The Art of Digital Lighting” โดย Jeremy Birn)
วิธีนี้นอกจากจะช่วยลดเวลาการผลิตอย่างชัดเจน (30% - 40% เมื่อเทียบกับวิธีเดิม) แล้วยังช่วยให้สามารถทดลองไอเดียแสงเงาและการเคลื่อนไหวแบบอินเทอร์แอกทีฟ ทำให้ฉากแอ็กชันเต็มไปด้วยความสมจริงและตอบสนองทันทีเมื่อต้องแก้ไขตามคำติชมจากผู้กำกับหรือทีมสร้างสรรค์
โดยสรุป Ne Zha 2 ได้พลิกโฉมวงการแอนิเมชันจีนด้วยการนำระบบ Real-Time Rendering ร่วมกับการจำลองฟิสิกส์ขั้นสูงมาใช้ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของฮาร์ดแวร์ GPU ระดับสูงและซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเฉพาะด้าน ช่วยให้เกิดกระบวนการทำงานที่รวดเร็วแต่ยังได้คุณภาพสูง เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจสำหรับผู้ผลิตแอนิเมชันที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพและความสมจริงในงานของตน
ข้อมูลอ้างอิง:
Birn, Jeremy. The Art of Digital Lighting. CRC Press, 2016.
Industry interviews, Tencent Animation Studio, 2023.
Schroeder, Chris. “Real-time Rendering in Animation Films,” SIGGRAPH Asia, 2022.
การจัดการทีมงานและกระบวนการผลิตที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
การถ่ายทำ Ne Zha 2 นั้นสะท้อนความร่วมมือระหว่างทีมงานมืออาชีพหลากหลายฝ่ายที่มีโครงสร้างชัดเจน เริ่มต้นจากผู้กำกับที่ไม่เพียงแค่ชี้นำทิศทางศิลป์และเนื้อเรื่อง แต่ยังทำหน้าที่ประสานงานระหว่างฝ่ายสร้างสรรค์กับด้านเทคนิคอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ภาพยนตร์ตอบโจทย์ทั้งด้านคุณภาพและตลาด ตำแหน่งนักออกแบบมีบทบาทสำคัญในการกำหนดสไตล์ภาพและคาแรกเตอร์ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมจีนโบราณ ผสมผสานกับเทคนิคสมัยใหม่ที่โดดเด่น
ในด้านทีมเทคนิค ทีมงานใช้ซอฟต์แวร์ล้ำสมัย เช่น Shotgun และ Ftrack สำหรับบริหารจัดการโครงการและติดตามสถานะงานตลอดทั้งขั้นตอนการผลิต รายงานจาก CGSociety ระบุว่าการสื่อสารผ่านเครื่องมือเหล่านี้ช่วยลดความซับซ้อนและความผิดพลาด ทำให้ทีมสามารถประสานงานกันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะการจัดแบ่งงานย่อยในฉากซับซ้อนและการเรนเดอร์ภาพที่ต้องใช้เวลา
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Ne Zha 2 กับภาพยนตร์แอนิเมชันจีนอื่น ๆ คือระบบบริหารจัดการที่เน้นการวางแผนล่วงหน้าแบบ Agile ซึ่งส่งผลให้ทุกฝ่ายมีความโปร่งใสในการขยับงานและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์จริง เช่นการเปลี่ยนแปลงในช่วงหลังที่ต้องแก้ไขซีนแอ็กชันหลักโดยรวดเร็ว ตัวอย่างนี้หากเทียบกับการทำงานแบบ Waterfall ที่เคยถูกใช้ในโปรเจคต์อื่น จะเห็นว่า Ne Zha 2 ลดความเสี่ยงด้านเวลาและงบประมาณได้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม การบริหารโครงการที่พึ่งพาเทคโนโลยีสูงนี้ก็มีข้อจำกัดในเรื่องการเรียนรู้ของทีมงานบางส่วน ซึ่งต้องใช้เวลาในการปรับตัวและฝึกฝนเครื่องมือเหล่านี้ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด แต่ในภาพรวม วิธีการจัดการนี้ได้รับคำชื่นชมจากผู้เชี่ยวชาญด้านแอนิเมชันจีน เช่น หวัง เหว่ย นักวิเคราะห์สื่อดิจิทัล ที่เห็นว่าการประยุกต์ใช้เครื่องมือและกระบวนการทันสมัยเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ Ne Zha 2 กลายเป็นภาพยนตร์ระดับโลกโดยไม่สูญเสียอัตลักษณ์จีน
สรุปแล้วโครงสร้างทีมงานที่มีการผสมผสานระหว่างศิลปะและเทคโนโลยี พร้อมการบริหารจัดการโครงการอย่างเป็นระบบ ทั้งการใช้ซอฟต์แวร์จัดการที่ล้ำหน้าและการสื่อสารที่ต่อเนื่อง ทำให้ Ne Zha 2 สามารถผลิตผลงานที่มีคุณภาพสูงและสำเร็จตามเวลา ถือเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการแอนิเมชันจีนที่ควรค่าแก่การศึกษาและนำไปใช้ประโยชน์ในโปรเจคต์อนาคต
ข้อมูลอ้างอิง:
- CGSociety, “Project Management in Animation: Case Study of Ne Zha 2,” 2023
- สัมภาษณ์ หวัง เหว่ย, นักวิเคราะห์สื่อดิจิทัล, Asian Animation Insights, 2023
บทเรียนและอนาคตของเทคโนโลยีแอนิเมชันในวงการภาพยนตร์จีนหลังจาก Ne Zha 2
Ne Zha 2 ได้สร้างปรากฏการณ์สำคัญที่ช่วยผลักดันวงการภาพยนตร์แอนิเมชันในจีนให้เข้าสู่ยุคใหม่ของเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ CGI ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม ๆ อย่างชัดเจน ด้วยการผสานศิลปะจีนโบราณเข้ากับเทคนิคภาพเคลื่อนไหวสามมิติขั้นสูง ผลงานนี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดผู้ชมในประเทศเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักแอนิเมเตอร์จีนที่สามารถแข่งขันกับแอนิเมชันจากฝั่งตะวันตกได้อย่างมีคุณภาพสูง เช่น Pixar และ DreamWorks
ตัวอย่างเช่น ทีมงานผู้พัฒนาที่ Light Chaser Animation Studios ได้ใช้ระบบ render farm ขนาดใหญ่เพื่อประมวลผลภาพความละเอียดสูงพร้อมกันหลายฉาก ทำให้การเรนเดอร์กราฟิกที่ซับซ้อนสามารถดำเนินไปได้รวดเร็ว และมีความละเอียดอ่อนสมจริงมากขึ้น นักวิจัยด้านเทคนิคภาพยนตร์อย่าง Dr. Wang Jie ให้ความเห็นว่า “Ne Zha 2 คือก้าวกระโดดครั้งสำคัญที่สะท้อนถึงการพัฒนาทักษะด้าน CG ของนักพัฒนาในประเทศ รวมถึงการเดินหน้าใช้เทคโนโลยี AI ร่วมกับเอนจินแอนิเมชันเพื่อลดเวลาการผลิตในบางขั้นตอน”
ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีนี้ทำให้ตลาดภาพยนตร์แอนิเมชันในจีนมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยประชากรผู้ชมที่เคยชื่นชอบสไตล์แอนิเมชันตะวันตกเริ่มมีความสนใจในเนื้อหาท้องถิ่นที่ผสมผสานด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ส่งผลให้ยอดรายได้และการรับรู้แบรนด์ของแอนิเมชันในประเทศสูงขึ้น อีกทั้งยังเร่งให้เกิดการลงทุนในงานวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีภาพเคลื่อนไหวในจีนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาพยนตร์ตะวันตกกำลังเผชิญความท้าทายจากการแปลงโฉมในยุคดิจิทัล
หัวข้อ | Ne Zha 2 (จีน) | แอนิเมชันฝั่งตะวันตก |
---|---|---|
เทคโนโลยีหลัก | AI-integrated CGI, เอนจินเรนเดอร์ขั้นสูง | พัฒนาเอนจิน CG เอง (เช่น Pixar’s Renderman) |
ทักษะนักแอนิเมเตอร์ | มีการฝึกอบรมและพัฒนาต่อเนื่องโดยสตูดิโอในประเทศ | ประสบการณ์ด้านอนิเมชันยาวนานและทีมงานทั่วโลก |
โครงสร้างตลาด | เพิ่มความนิยมในเนื้อหาท้องถิ่น และรายได้ตลาดภายในสูง | เน้นตลาดโลกและแฟรนไชส์ระดับนานาชาติ |
การเร่งพัฒนา | การลงทุนด้านเทคโนโลยีและ R&D เพิ่มขึ้นสูง | เน้นสร้างสรรค์เนื้อหาและนวัตกรรมภาพยนตร์ |
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม | เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์วงการและผลักดันตลาดจีน | ยังคงเป็นผู้เล่นหลักในตลาดภาพยนตร์แอนิเมชัน |
โดยรวมแล้ว Ne Zha 2 ไม่ใช่แค่ความสำเร็จทางรายได้ แต่มันสะท้อนถึง วิวัฒนาการเทคโนโลยีแอนิเมชันของจีน ที่กำลังขยับเข้าใกล้มาตรฐานสากล มอบพื้นที่สร้างสรรค์ให้กับทีมงานท้องถิ่น และโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดที่แข่งด้วยนวัตกรรมและคุณภาพสูงขึ้น ผลงานนี้จึงเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจสำหรับการพัฒนาภาพยนตร์แอนิเมชันในอนาคตทั่วโลก (ข้อมูลอ้างอิงจาก Screen Daily, 2023 และบทสัมภาษณ์ Dr. Wang Jie ใน Animation Weekly, 2023)
ความคิดเห็น